เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัด ไปเยี่ยมญาติ ไม่ได้กลับหลายปี ไปเที่ยวนี้ว่าจะอยู่สัก 4 - 5 วัน เดินทางจากกรุงเทพ 05.00 น. พอไปถึง เวลา 15.09 น. ใช้เวลาหลายชั่วโมง เหนื่อยครับ แต่พอถึงบ้าน บรรยากาศดี มีความเงียบสงบ ยาติพี่น้อง ลุงป้า หลาน เหลน พร้อมหน้าพร้อมตาต้อนรับหายเหนื่อยครับ หลังจากกินข้าวกินปลาคุยกันตามประสาคนไทบ้าน ไม่ได้เจอกันนาน 2 ทุ่มก็พากันนอน คืนต่างจังหวัดเวลาเย็น ทุ่ม 2 ทุ่มก็เข้านอนกันแล้ว ผมหลับปางตายเลย รุ่งขึ้นของในวันถัดมา สิ่งแรกที่ผมทำคือ เดินเที่ยวรอบหมู่บ้าน ไปสวน  ไปนา  ไปไร่  หมู่บ้านเล็ก ๆ ครับมีประมาณ 30-40 หลังคาเรือน ทำให้เรานึกถึงตอนเรายังเป็นเด็ก ยังไม่รู้ความนึกถึงอดีตเก่า  ตรงนี้เคยมีสิ่งปลูกสร้า  ตรงนั้นเป็นป่า เดียวนี้สิ่งที่เราเคยเห็น ไม่มีแล้วทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหมด แม้แต่วิถีชีวิตชนบทที่เราเติบโตมา ความเจริญเข้ามามากเหลือเกิน 



      
    ขณะที่เดินดูนั้นดูนี้ผ่านมาถึงบ้านคุณปู่ทินเลยแวะเข้าไปสวัดดีท่านหน่อย ที่บ้านปู่ทินนั้นตอนเป็นเด็กผมมาวิ่งเล่นกับเพื่อนประจำ คุณปู่ทินอดีตแกเป็นนายพรานล่าสัตว์ป่า เข้าป่าไปที่ไรได้สัตว์ป่ามาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายป่า นก หนู  งู กระแต กระรอก ตะพาบน้ำ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นผู้รู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าเลยก็ว่าได้ บางทีแกก็ทำกับดัก ไปดักสัตว์ต่าง ๆ ตามฤดู ตอนเป็นเด็กก็มาดูประจำ พอเดินเข้ามาถึงตัวบ้านสิ่งแรกที่เห็น เครื่องดักสัตว์ กับดักสัตว์ ชนิดต่าง ๆ ยังห้อยในเขื่อบ้านอยู่เลย  สักพักก็มีชายร่างผอมผมขาวทั่วหัวเดินถือไม้เท้าเข้ามา ผมก็สวัสดีครับปู่ แกก็มองหน้างง นึกอยู่ว่าใคร เราต้องแนะนำชื่อต่อไปว่า "ไอ้เหลือง " งัย แกเลยร้องอืม  ไปไงมาไงละหลาน พร้อมกับเข้ามากอดผม  ผมก็คุยกับคุณปู่ทินเรื่องทั่วๆไปอยู่นานผมก็ยากจะไปดูสวนหลังบ้านซึ่งแกปลูกยางพาราประมาณ 18 ไร่ ปลูกได้ 3  ปี กว่า แกก็พาเดินไปดูเดินไปคุยไป


         ขณะที่เดินไปนั้นเองก็มีตัวอะไรสักอย่างวิงตัดหน้าผมไป ด้วยความเร็วมองไม่ทัน ตอนแรกนึกว่าเป็นกิ้งก้า แต่มันวิ่งลงไปในรู  ปู่บอกว่าเป็นแย้ ในส่วนมีหลายตัว ผมถามว่ายังมีอยู่หรือ แต่ก่อนไม่เคยเห็นมี ปู่บอกว่าแต่กอนคนเขาล่ามันมากิน  แต่เดียวนี้คนเขาไม่คอยกินมันแล้ว มันเลยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ปู่ก็เริ่มเห็นมาอยู่ส่วนหลายปีแล้ว แต่ก่อนปู่ก็ล่ามากินเหมือนกันแต่ตอนนี้แก่แล้วไมาอยากทำบาป กินผัก กินปลา ไม่กินเนื้อ ผมตอบดีแล้วครับ เออแล้วทำไมต้องกินมันด้วยครับ "แย้"

         แย้  เป็นชื่อเรียกของเจ้าสัตว์เลื้อยคลานตัวนี้ เมื่อประมาณ 40-50 ปีที่ผ่านมา แทบจะไม่เห็นเจ้าตัวนี้วิ่งไปมาบนพื้นดิน เพราะว่ามันถูกล่ามาเป็นอาหาร เกือบจะสูญพันธ์ไปแล้ว การรับประทานแย้ หรือการนำแย้มาปรุงอาหาร มีมานานแล้ว เกือบจะทุกภาคของประเทศไทยนิยมรับประทาน จริง ๆ แล้วไม่ใช้เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น บรรดาเพื่อนบ้านเราเช่น  ประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า จีน ก็นิยมรับประทานเช่นกัน จากคำบอกเล่า รุ่นคุณปู่ ตอนนี้ อายุ 76 ปีเข้าไปแล้ว  ว่าสมัยก่อนภาคอิสาน  แห้งแล้งมาก เรียกง่ายๆว่ารุ่น " ข่าวยากหมากแพง " เพราะพ่อ-แม่ท่านมีลูกหลายคน ท่านเป็นลูกคนที่ 11 จากทั้งหมด 13 คน  แก่เล่าให้ฟัง ไม่ใช้ล่าแย้อย่างเดียวนะ ทุกอย่างที่สามารถกินได้ ล่าหมด สัตว์บางชนิดสูญพันธุ์ไปเลยก็มี แต่ก่อน ทำนา ทำไร่ ขายก้ไม่ได้ราคา ปีไหนฝนไม่ตก ก็ไม่ได้ทำ ลำบากมาก




        
        พูดแล้วก็ไปเจอรูแย้  นี้ละครับรูแย้ ถ้าจะจับมันวิ่งไล่ไม่ทันหรอกครับ มันเร็วมากวิ่งลงรูไปเลย  รูลึกมาก ต้องจอบคุด  รูแย้จะมีทางออกฉุกเฉินอีกรูหนึ่ง ไว้เพื่อหนีครับ ถ้าเทียบกับมนุษย์เรา  เปรียบกับทางบรรไดหนีไฟในตึกใหญ่ ๆ ครับ สัตว์ชนิดนี้ไม่ปีนต้นไม้เหมือนกิ้งก้าครับ ชอบอยู่บนพื้นดิน พอคุยกับปู่ได้สักพักหลานมาตามให้ไปกินข้าว ผมต้องไปก่อน แล้วจะมาเล่าถึงวิธีการล่าแย้ ภูมิปัญญาชาวบ้านให้ได้อ่านกันในครั้งต่อไป